Last updated: 31 ธ.ค. 2564 | 8895 จำนวนผู้เข้าชม |
ตับเป็นอวัยวะที่ทำงานคล้ายตัวคัดกรองสำคัญในร่างกาย มีหน้าที่ทั้งช่วยสร้างสารอาหารและกำจัดของเสียที่มีอยู่ภายในตัวเรา ดังนั้นจะถือว่าตับเป็นเครื่องในที่มีความสำคัญต่อสุขภาพของเราก็ไม่ผิดนัก ซึ่งด้วยภาระหน้าที่นี้ของตับ ก็อาจทำให้เกิดความเสี่ยงกับตับมากมาย โดยอาการผิดปกติของโรคตับที่พบมากที่สุดในประเทศไทยก็คือโรคตับแข็ง
มาลองสำรวจอาการของโรคตับแข็งในเบื้องต้นกันก่อน เพราะโรคตับแข็งจริง ๆ แล้วก็สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่เว้นแม้แต่คนที่ไม่ดื่มเหล้าเลยนะคะ ฉะนั้นมาเรียนรู้อาการของโรคตับไว้คร่าว ๆ จะได้เอาไว้สังเกตตัวเองและคนรอบข้าง
โรคตับแข็งเกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง
1. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
สุราและเครื่องดื่มมึนเมาทุกชนิดกลายเป็นสาเหตุอันดับหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคตับแข็ง โดยเฉพาะผู้ที่ดื่มสุราวิสกี้ 480 ซี.ซี. ต่อวัน หรือไวน์ 1,600 ซี.ซี. ต่อวัน หรือเบียร์ 4,000 ซี.ซี. ต่อวัน ติดต่อกันนาน 5-10 ปี บุคคลผู้นี้ย่อมเสี่ยงเป็นโรคตับแข็งมากกว่าใคร เนื่องจากแอลกอฮอล์ในเครื่องดื่มเหล่านี้จะทำให้การใช้โปรตีน ไขมัน และคาร์โบไฮเดรตในตับผิดปกติไป ส่งผลให้เกิดภาวะตับอักเสบได้ง่าย และเมื่อตับอักเสบนาน ๆ เข้าก็จะก่อให้เกิดภาวะตับแข็งตามมาในไม่ช้า
2. ไวรัสตับอักเสบ
ไวรัสตับอักเสบมีอยู่ด้วยกัน 3 ชนิด คือ ไวรัสตับอักเสบเอ บี และไวรัสตับอักเสบซี โดยไวรัสทั้ง 3 ชนิดนี้จัดเป็นสาเหตุที่ทำให้ตับเกิดอาการอักเสบเรื้อรังและพัฒนาเป็นโรคตับแข็งได้ในที่สุด
3. ยา สารพิษ และพยาธิบางชนิด
สำหรับคนที่ใช้ยาติดต่อกันนาน ๆ โดยเฉพาะยาสมุนไพรบางชนิด เช่น ยาเม็ดใบขี้เหล็ก ก็อาจทำให้เกิดการตกค้างจนก่อภาวะตับอักเสบเรื้อรังได้ รวมทั้งสารพิษ เช่น สารหนู (Arsenic) ก็สามารถทำให้เกิดพังผืดในตับ และพยาธิบางชนิด เช่น พยาธิใบไม้ที่แฝงตัวอยู่ในเส้นเลือดก็กระตุ้นให้เกิดภาวะตับแข็งได้เช่นกัน
4. ท่อน้ำดีอุดตัน
ปกติแล้วน้ำดีจะถูกสร้างขึ้นที่ตับและไหลลงมาสู่ลำไส้เล็กส่วนต้น แต่ถ้าเกิดภาวะท่อน้ำดีอุดตัน เช่น นิ่วอุดตันท่อน้ำดี หรือเนื้องอกอุดตันท่อน้ำดีจนทำให้ท่อน้ำดีตีบตันเป็นเวลานาน น้ำดีจะไหลย้อนกลับไปที่ตับและทำลายเนื้อเยื่อตับจนเกิดภาวะตับแข็งได้
5. ภาวะหัวใจวายเรื้อรัง
ผู้ที่มีภาวะหัวใจวายเรื้อรัง อาจทำให้มีเลือดคั่งที่ตับ รวมทั้งปริมาณเลือดที่ไหลเวียนในตับก็จะลดลงจนอาจทำให้เนื้อตับขาดออกซิเจนและตายลง
6. โรคทางพันธุกรรมบางชนิด
โรคทางพันธุกรรมบางชนิด เช่น โรควิลสัน ซึ่งมีการสะสมของทองแดงในตับมากเกินไป จนอาจทำให้ตับอักเสบเรื้อรังและแข็ง หรือโรคทางพันธุกรรมอื่น ๆ อย่างภาวะเหล็กเกิน (Hemochromatosis) ที่เกิดจากการสะสมของเหล็กมากเกินไปในตับ หรือโรคไกลโคเจนสะสม (Glycogen Storage Disease) ที่อาจมีความบกพร่องทางการใช้คาร์โบไฮเดรตบางประเภท ก็อาจทำให้เกิดภาวะตับเรื้อรังและตับแข็งได้
7. ไขมันสะสมสูง
ภาวะที่มีไขมันสะสมอยู่ที่ตับมาก อาจกระตุ้นให้เกิดภาวะตับอักเสบเรื้อรังและกลายเป็นตับแข็งในที่สุด โดยภาวะไขมันในตับมากนี้อาจพบร่วมกับโรคอื่น ๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคขาดสารอาหาร และโรคอ้วน
8. โรคตับอักเสบจากภูมิต้านทานตนเอง (Autoimmune Hepatitis)
เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันที่หันกลับมาทำลายตับตนเอง สาเหตุนี้พบมากในชาวยุโรป แต่ในไทยยังไม่ค่อยมีรายงานผู้ป่วยโรคนี้มากเท่าไรนัก
อาการของโรคตับ เช็กให้ชัดเข้าข่ายโรคตับแข็งหรือยัง ?
อาการของโรคตับแข็งในระยะเริ่มแรกจะไม่แสดงออกอย่างชัดเจน ดังนั้นผู้ป่วยโรคตับแข็งจึงไม่ค่อยรู้ตัว โดยอาการของโรคตับแข็งที่พอจะสังเกตได้ มีดังนี้
- ท้องอืด ท้องเฟ้อ คล้ายอาหารไม่ย่อย
- รู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน น้ำหนักลด
- รู้สึกเจ็บบริเวณชายโครงขวาเล็กน้อย หรืออาจคลำเจอก้อนที่ชายโครงขวา
- ตัวเหลือง นัยตาเหลือง เพราะตับไม่สามารถขับน้ำดีออกจากร่างกายได้
- อาจมีอาการคันตามเนื้อตัว
- อารมณ์ทางเพศลดลง
- ในผู้หญิงอาจมีประจำเดือนผิดปกติ เช่น ประจำเดือนมาขาดหรือมาไม่สม่ำเสมอ มีหนวดขึ้น และในบางคนอาจมีแสงแหบแห้งคล้ายผู้ชาย
- ผู้ป่วยชายอาจรู้สึกเจ็บนม อัณฑะฝ่อตัว บางคนอาจสังเกตเห็นฝ่ามือแดงผิดปกติ หรือมีจุดแดงที่หน้าอกและหน้าท้อง
โรคตับแข็งระยะสุดท้าย อาการรุนแรงขนาดไหน ?
เมื่อเป็นโรคตับแข็งอยู่หลายปีหรือยังคงดื่มเหล้าหนัก อาการของโรคตับแข็งระยะสุดท้ายจะสังเกตได้จาก
- มีไข้เรื้อรัง ขาบวม ท้องบวม
- สังเกตเห็นหลอดเลือดบริเวณหน้าท้องพองบวม
- อาเจียนเป็นเลือด เนื่องจากเกิดภาวะหลอดเลือดขอดที่หลอดอาหารแตก ซึ่งอาจทำให้เสียเลือดมากจนเสียชีวิตได้
- ในระยะสุดท้ายที่ตับวายไปแล้ว ก็จะเกิดอาการทางสมอง เช่น ซึม เพ้อ ไม่รู้สึกตัว เป็นต้น
ทั้งนี้ นอกจากโรคตับแข็ง ยังมีภาวะความผิดปกติของโรคตับที่พบได้มากในสุขภาพของคนไทย ซึ่งได้แก่
1. โรคตับอักเสบ
ภาวะตับอักเสบสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย โดยสาเหตุหลัก ๆ เกิดจากเชื้อไวรัสตับอักเสบเอและเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ซึ่งไวรัสตับอักเสบเออาจติดต่อผ่านทางอาหารและน้ำที่ไม่สะอาด ส่วนไวรัสตับอักเสบบีสามารถติดต่อได้ทางการสัมผัสกับเลือดของผู้เป็นพาหะ เช่น การถ่ายเลือด การใช้ของมีคมร่วมกัน หรือแม้แต่การมีเพศสัมพันธ์ร่วมกับผู้ที่เป็นพาหะ
อย่างไรก็ตาม นายแพทย์นุสนธิ์ กลัดเจริญ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านโรคทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ได้เตือนว่า การใช้แปรงสีฟัน กรรไกรตัดเล็บ หรือมีดโกนร่วมกับผู้ที่เป็นพาหะไวรัสตับอักเสบอยู่ อาจทำให้คุณติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและซีได้ หรือในกรณีเด็กที่คลอดจากมารดาผู้เป็นพาหะ อาจได้รับเชื้อจากมารดาได้ ซึ่งในกรณีเช่นนี้โรคตับอักเสบจะไม่แสดงอาการในวัยเด็ก แต่จะแฝงตัวอยู่ในร่างกายของเด็กจนเด็กโตเป็นผู้ใหญ่ โดยในบางรายโรคตับอักเสบอาจหายเองได้ แต่บางรายอาจกลายเป็นพาหะโรคตับอักเสบเรื้อรังโดยไม่รู้ตัว
2. มะเร็งตับ
นายแพทย์นุสนธิ์ กลัดเจริญ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านโรคทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า โรคมะเร็งตับอาจแบ่งได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่ มะเร็งที่เริ่มจากตัวตับเอง ซึ่งมักจะเป็นผลพวงของภาวะตับอักเสบเรื้อรังและโรคตับแข็ง และมะเร็งตับแพร่กระจายที่เริ่มจากอวัยวะอื่น ๆ อย่างมะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งตับอ่อน แล้วจึงค่อยลามมาเป็นมะเร็งตับในที่สุด
การรักษาโรคตับ ทำได้ดังนี้
1. รักษาที่สาเหตุ
ก่อนอื่นต้องรู้ว่าต้นเหตุของโรคตับแข็งเกิดจากอะไร และรักษาไปตามสาเหตุนั้น เช่น มีสาเหตุจากการดื่มสุรา ก็ให้งดสุรา ถ้าเกิดจากไวรัสตับอักเสบก็ให้ยารักษาที่ชื่อว่า อินเตอร์เฟอรอน
ส่วนในกรณีที่เป็นโรคตับแข็งจากภูมิต้านทานตนเอง (Autoimmune Hepatitis) ให้ใช้ยาสเตียรอยด์รักษา แต่หากเป็นโรคตับแข็งจากการสะสมของสารทองแดงในตับ ต้องใช้ยาเฉพาะเพื่อขับสารทองแดงออกจากร่างกาย
2. รักษาตามลักษณะอาการที่เกิด
อาการของโรคตับที่เกิดจากความผิดปกติของตับในกรณีต่าง ๆ เช่น ตัวเหลือง ตาเหลือง ขาบวม ท้องบวม อาเจียน แพทย์จะรักษาโรคไปตามลักษณะอาการในเบื้องต้น
3. การผ่าตัดเปลี่ยนตับ
สำหรับผู้ป่วยโรคตับระยะสุดท้าย ที่พบว่าการทำงานของตับลดน้อยลง หรือไม่สามารถควบคุมโรคแทรกซ้อนได้ จำเป็นต้องผ่าตัดเปลี่ยนตับร่วมกับการรักษาด้วยตัวยา ซึ่งการรักษาแบบนี้จะให้ผลดีถึงร้อยละ 80-90 และโดยเฉลี่ยแล้วผู้ป่วยโรคตับแข็งที่รักษาด้วยการผ่าตัดจะมีชีวิตยาวนานขึ้นอีก 5 ปี เลยทีเดียว
การดูแลผู้ป่วยโรคตับแข็ง
สั่งซื้อเลซิตินบำรุงตับ แอดไลน์ หรือ
โทร. 081-8459883
27 ก.ย. 2562
27 ก.ย. 2562
27 ก.ย. 2562
29 ก.ย. 2566